Unit 7 การ Import Text โดยการใช้ Field

ก้าวต่อมา..กับการนำเอาข้อมูลซึ่งหากกล่าวง่ายๆ ก็คือ โดยปกติหลังจากการที่เราได้วางรูปแบบของาน เรียบร้อย สิ่งที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของงานก็คือ เนื้อหา และความน่าสนใจของงานนั่นเอง แต่..หากการนำเสนอที่ดี ก็ย่อมขาดลูกเล่น และเทคนิคที่น่าสนใจไม่ได้เช่นกัน แล้วจะทำยังไงล่ะ ให้งานน่าสนใจ..

การนำ Text..เข้ามาใช้กับงานนั้น ก็ง่ายแสนง่ายครับ จะใช้วิธีในการพิมพ์ข้อความเองก็ได้ หรือจะทำการ Import มาจาก NotePad , Word (Word Processing) ก็สามารถใช้ได้ แต่ผมขอแนะนำก็แล้วกันว่า หากเราทำการใช้ในตัว Program ToolBook จะมีปัญหาตรงที่ว่า เมื่อเวลาทำการพิมพ์ภาษาไทย จะค่อนข้างเปลี่ยนลำบาก

เทคนิค..การเปลี่ยน ไทย เป็น อังกฤษ (หรือ เปลี่ยนสลับกัน) ใน ToolBook ก็โดยการใช้ Shift + ALT เท่านั้นเอง ครับ ก็สามารถทำการเปลี่ยนได้ ง่ายและสะดวกรวดเร็ว แต่ค่อนข้างจะลำบากในการใช้งาน ดังนั้น จึงนิยมพิมพ์จากข้างนอก และมาทำการปรับแต่งงานทีหลัง จะได้รูปแบบที่ถูกใจมากกว่า แต่ในที่นี้ ผมจะทำการสาธิต..ให้ดูเลยกันทั้ง 2 วิธี ก็แล้วกันนะครับ ที่สำคัญอย่าลืมนะครับ ว่าตอนนี้งานของเราอยู่ที่ Foreground เพราะว่า..ข้อความและเนื้อหา จะทำการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามเนื้อหา ของแต่ละหน้า จึงต้องนำเอาไว้ที่ Foreground (ส่วนหน้า)นั่นเองนะครับ (กด F4 เปลี่ยน Background เป็น Foreground)

เริ่มต้นสร้าง Text ในที่นี้ ขอแยกหัวข้อ เพื่อความเข้าใจ คือ

1. ประเภท Label หมายถึง การชื่อที่ใช้เป็นหัวข้อใหญ่ หรือ ตัวประกาศ คล้ายๆ กับป้ายร้านค้า อะไรทำนองนั้นนะครับ เพราะฉะนั้น รูปแบบการนำเสนอตรงนี้ จึงต้องมีข้อความที่สั้น รูปแบบและ Style ก็ต้องน่าสนใจ

2. ประเภท Detail หมายถึง เนื้อหา และข้อความ อาจจะรวมถึงเนื้อเรื่อง ที่ต้องการนำเสนอ ในส่วนนี้แหละครับ ที่จะเพิ่มความยุ่งยากให้เราภายหลัง สาเหตุก็เนื่องมาจากว่า.. ขนาดและแบบของงานเอง มีขนาดเท่ากับ 640 x 480 Pixel ดังนั้น ถ้าหากขนาดพื้นที่ (ในที่นี้ ผมขอเปรียบเหมือนกับกระดาษ ก็แล้วกันนะครับ) ถ้าขนาดกระดาษมีพื้นที่ขนาดเล็กมาก แต่ข้อความมีมากกว่าขนาดพื้นที่ นั่นแหละครับ..คือปัญหา แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ วิธีการในลักษณะนี้ เราจะทำการใช้ Scroll Bar (แถบเลื่อน) เพื่อช่วยให้ข้อความ สามารถทำการแสดงได้ทั้งหมด ในพื้นที่ ที่กำหนดเอาไว้ อีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การใช้ภาษา Script ในการ Control แทนที่จะใช้แถบเลื่อนเหมือนแต่ก่อน ก็เปลี่ยนการใช้ รูปกราฟิก กดเลื่อนแทน ซึ่งผมคงจะกล่าวถึง ในส่วนนี้อีกครั้งหนึ่ง ในการใช้ภาษา Script โดยตรง โดยจะเน้น การสอนการเขียนแบบประยุกต์ เพื่อนำเอามาใช้งาน

สร้าง Text..ในส่วนของ Label ก่อน โดยการคลิกไปที่ไอคอน Field แบบไม่กรอบเส้น โดยการ Drag ยังพื้นที่ว่าง ของ Foreground จากนั้น ให้ทำการดับเบิลคลิก ที่พื้นที่ว่าง จนเกิดเคเซอร์ แล้วให้ทำการพิมพ์ "คำนำ" ดังรูปที่แสดง (รูปแบบของข้อความที่แสดงอาจจะเล็ก ให้ทำการเปลี่ยนรูปแบบอักษร และจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง) โดยการ..

คลิกเลือก.. Menu (Text) => Character..F6 (หรือกด F6) ก็ได้ มีค่าเท่ากัน แล้วทำการเปลี่ยนแบบอักษร กับ Font Size ตามรูปที่แสดง...

ลักษณะ..ก็คล้ายการใช้งานทั่วไป คือหากเราต้องการที่จะทำการเปลี่ยน ขนาด Font เลือกแบบ Font หรือ Font Style แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง ที่ผมอยากจะให้เห็นก็คือ ในการออกแบบข้อความที่มีลักษณะ เป็น Label จะต้องมีคุณลักษณะอย่างไรบ้างนั้น..

1. แบบอักษร..การแสดงข้อความ หากต้องการเน้นรูปแบบข้อความ จะต้องมีลักษณะที่อ่านง่าย และตัวอักษร จะต้องไม่ติดกัน โดยทั่วไป จะเน้นการใช้แบบอักษร ที่ลงท้ายด้วย UPC เพราะว่า ส่วนหนึ่ง Support ภาษาไทยได้ดี และซึ่งเมื่อนำไปรันโปรแกรม โดยส่วนมากจะไม่ค่อยมีปัญหา ในการอ่านข้อความด้วย แต่ไม่ใช่ว่าประเภท DB , DS, JS จะใช้งานไม่ได้ได้นะครับ เพียงแต่ที่กล่าวมา จะเป็น Font มาตราฐานที่ทุกเครื่องมีอยู่แล้ว เท่านั้นเอง..

2. Font Style..การแสดงประเภทอักษร ตัวเอียง ,หนา, บาง มีคุณลักษณะในการเรียกความสนใจ ของข้อความ ได้มากพอสมควร โดยส่วนมาก หากเป็นหัวข้อสำคัญ ที่ไม่ได้เน้นหัวข้อย่อย จะใช้ ตัวหนา เป็นหลัก..

3. Font Size..การแสดงขนาดของตัวอักษร หากเป็นหัวข้อใหญ่ ไม่ควรใช้ขนาด Font ต่ำกว่า 36 Point เพราะว่า..ขนาดของข้อความที่เป็น Label เองมีความยาวของข้อความไม่มาก จึงต้องการเน้นความเด่นของข้อความ ที่ทำการแสดงออกมา แต่หากเป็น Detail เองมีข้อความมาก การแสดง หลากหลายสีสัน ต้องขึ้นอยู่กับว่า คำ หรือ ข้อความ มีความเด่นขนาดไหน ขนาด ต้องไม่เล็กเกินไป โดยส่วนมาก ใช้ขนาดที่ 16-20 Point โดยประมาณนะครับ

การจัดข้อความ..ข้อความที่ต้องการให้แสดงผล โดยส่วนมาก นอกจาก..ขนาดที่ใหญ่ อักษรและประเภท ที่ชัดเจนแล้ว การจัดข้อความ โดยเฉพาะประเภทที่เป็น Label ต้องจัดให้อยู่กึ่งกลาง ในการแสดงผล ซึ่งอาจรวมถึงการกำหนดพื้นที่ Field (ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ไม่มีกรอบ หรือไม่มีกรอบ ก็ตาม) เป็นจะต้องกำหนดขนาดพื้นที่ให้อยู่กึ่งกลาง หรือ หากเป็นข้อความ ก็คงต้องจัดให้มีการตัดคำที่เหมาะสม ปัญหาหนึ่ง..ที่ผู้ใช้จะเจอก้คือการพิมพ์ข้อความ ที่เป็นประเภท Detail จะไม่ทำการตัดคำให้ เราจำเป็นที่จะต้องทำการตัดคำ โดยการกด Enter ลงมาเอง ดังนั้น คงจะต้องยอมเสียเวลาหน่อยนะครับ ตรงจุดนี้ ซึ่งถือว่า..เป็นจุดบกพร่องของการใช้งาน ToolBook ตั้งแต่..มีการพัฒนาขึ้นมาโดยตลอด.. ซึ่งหากต้องการจัดข้อความให้อยู่ เช่น กึ่งกลาง , ชิดซ้าย, ชิดขวา เป็นต้น หรือ การเว้นระยะห่างของบรรทัด ก็สามารถทำการกำหนดได้ โดยการเลือก Menu (Text) => Paragraph.. (F7) หรือ โดยการกด F7 ก็มีค่าเท่ากับการเลือกตาม Menu Bar

จากนั้น..จะได้รูปดังที่ ได้ทำการแสดงออกมา...

ตำแหน่งที่ 1..เป็นการจัดข้อความ (Alignment) ไม่ว่าจะเป็น ชิดซ้าย, ขวา กึ่งกลาง ,ชิดขอบ เป็นต้น แต่ในที่นี้..เราจะทำการจัดให้เป็น "กึ่งกลาง" เนื่องจากเป็นข้อความ ประเภท Label ภาษาชาวบ้าน ชอบเรียกกันว่า ป้ายประกาศ นั่นเองนะครับ

ตำแหน่งที่ 2.. Spacing จะใช้กรณีที่กำหนดค่าระยะห่างของบรรทัด ในแต่ละบรรทัด (ค่าโดยปกติ ที่ใช้ในการกำหนด Project จะอยู่ที่ "Single" สาเหตุหนึ่ง เกิดมาจากที่ว่า ข้อความมักมีมากกว่า 10 บรรทัด หากเรา..ทำการเว้นระยะมากเกินไป จะทำให้ดูเนื้อหา ไม่ค่อยสวยงาม เท่าไรนัก แต่ไม่ใช่จะไม่ใช้แบบอื่นนะครับ อีกแบบ..ที่น่าสนใจ ก็คือแบบ "1 1/2" จะใช้กรณีที่ทำการกำหนด เป็นเ Menu เพราะหัวข้อ ของเนื้อหา ไม่จำเป็น ต้องมีมาก แต่เน้นที่เด่นๆ และน่าสนใจเท่านั้น ส่วนแบบสุดท้าย.."Double" ระยะห่างบรรทัดค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ เท่าที่ผ่านการทำ Project งานมา ยังไม่ค่อยได้ใช้นะครับ อีกอย่าง เนื้อหา การนำเสนอมาก ในแต่ละหัวข้อมาก.. จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในประเภทนี้

สรุปว่า..ค่าที่ทำการกำหนด ในProject จะใช้แบบ "Single" ในเนื้อหา ที่เป็น Page 1 (คำนำ) จะใช้แบบนี้ (Detail) ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างมาก และใน Page อื่นๆด้วย เช่นกัน ยกเว้น Page ที่เป็น Main menu เท่านั้นเอง เพราะว่า..ต้องการความโดดเด่นของ ตัวเลือก ภายในรายการ เท่านั้นเอง..

เมื่อทำการตั้งค่า..เสร็จแล้วผลลัพธ์ที่แสดงทางจอ จะได้ดังรูปที่แสดง..

จากนั้น..ให้ทำการคลิกที่ไอคอน Field แบบมีกรอบ แล้วให้ทำการ Drag ให้ขอบเขต ดังรูปที่แสดง

Import Text..ให้ทำการพิมพ์ Text (Detail)ที่เป็นในส่วนของเนื้อหา โดยการเข้าไปใช้ในโปรแกรม NotePad หรือ Word อาจจะรวมถึง การใช้ Word Processing ต่างๆ สำหรับ Windows 95 /98 เผื่ออนาคตอีกนิด Windows 2000..

ข่าวไอที..เท่าที่ผมได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับ I.T. ตอนนี้ทาง Microsoft ได้เตรียมขยายแผนตลาดออกมา โดยได้มีการพัฒนาระบบ Windows 2000 ขึ้นมา เพื่อพัฒนาศักยภาพ ลองรับระบบงานและโปรแกรม ที่มีขนาดใหญ่ อีกอย่าง..เท่าที่สังเกตจะเห็นว่า ระบบ 95 OSR2 เองเวลาใช้งาน ก็ยังมีปัญหา เกยวกับการใช้งาน ด้านโปรแกรม ดังนั้นจึงไม่แบบเลยขนาดแรมเรามีมากถึง 64 MB ยังไม่สามารถ Support ระบบการทำงานของ Windows ได้ นั่นก็ผลข้างเคียงจากระบบปฏิบัติการของ Windows 95 ยังไม่ดีพอ ทาง Microsoft จึงออก Windows 2000 ขึ้นมาเป็นชุด Beta ก่อนในขณะนี้ แต่เท่าที่ทราบอีกอย่าง มีการพัฒนา OSR2 ของ Windows 2000 ออกมา ตามมาอย่างกระชั้นชิด ก็คงต้องลองติดตามต่อไปว่า จะใช้งาน ได้ดีขนาดไหน

ข้อความที่ทำการจัดพิมพ์ (คำนำ)..แล้วอย่าลืมทำการ SAVE นามสกุล".TXT" จึงสามารถทำการ Import ได้

จากนั้น..ในส่วนของ Detail อาจจะทำการตกแต่งข้อความ เล่นสีสัน หน่อย เหมือน แต่ก่อน..ที่จะถึงตรงนั้น อยากให้ทราบวิธีการ Insert Graphic นำมาใช้ (อาจจะทำเป็นเครื่องหมายหน้าหัวข้อ) ทำการเลือก..

จากนั้น.. ก้อาจจะนำเครื่องหมายที่น่าสนใจ ทำการ Import เข้ามา วิธีการจะเหมือนกับ การ Import Graphic ของปุ่มมาใช้ เพียงแต่ วิธีนี้จะนำรูปมาใช้เฉพาะส่วนของ Text เท่านั้น ขอให้แยกทำความเข้าใจ..ในแต่ละส่วนให้ชัดเจน

คราวนี้..ลองมาดูตัวอย่าง การตกแต่งข้อความหลังจากทำการ Import เครื่องหมายหน้าหัวข้อออกมาใช้ และการเล่นสีสัน ของข้อความ

จากตัวอย่าง..จะสังเกตว่าข้อความจะยาวมาก จนจะต้องมีการกำหนดการใช้ Scroll Bar เพื่อช่วย ให้สามารถทำการอ่านข้อความได้ทั้งหมด โดยเราสามารถทำการตั้งค่า โดยการ.. คลิกที่ กรอบของ Field ก่อน แล้วจึงทำการคลิกที่ Object Properties จากนั้น ให้ทำการเลือก Scrolling ตามรูปที่แสดง

ตำแหน่ง 1.. จะต้องทำการตั้งชื่อทุกครั้ง ที่มีการกำหนด Object สาเหตุ..หนึ่งเนื่องมาจากว่า หากมี การนำเอาไปใช้ในการเขียนภาษา Script แล้วจะทำการเรียก "วัตถุ" ง่ายกว่าการเรียก เป็น ID แล้วตามด้วยตัวเลข ซึ่งจะไม่ทำให้ผู้ใช้งงเองว่า มันคืออะไร..

ตำแหน่งที่ 2.. กรณีที่พิมพ์คำ หรือข้อความแล้วต้องการให้มีการแสดง ในการตัดคำ หรือข้อความ จะต้องกำหนดเป็น "Word Wrap"
ตำแหน่งที่ 3.. หากต้องการกำหนด Field ของข้อความที่ทำการแสดง ให้สามารถทำการอ่านข้อความมากกว่า ขนาดพื้นที่ ที่ได้ทำการกำหนด เอาไว้ จำเป็นต้องกำหนด เป็น Scrolling ซึ่งจะมีแถบเลื่อนข้อความ
ตำแหน่งที่ 4.. การกำหนดค่า Transparent ที่ทำการแสดงผลให้สามารถกลมกลืนจากวัตถุ นอกจาก..จะสามารถทำการกำหนดได้ จาก Menu แล้วยังสามารถทำการเลือก จากที่ทำการแสดง ก็ได้ มีค่าเท่ากับ การกำหนดวัตถุ ให้มีความโปร่งใส..
ตำแหน่งที่ 5.. การกำหนดค่า Enabled ค่าจะถูกทำการแสดงผล ให้เห็นในขณะที่ทำการแสดง แต่หากไม่เลือก จะส่งผลต่อการใช้งาน ที่ทำการแสดงออกมา

ก่อนที่จะได้สีพื้น แบบนี้อย่างในตัวอย่าง จะต้องมีการตั้งค่า โดย..เลือก (MENU) Draw => Transparent (Ctrl + T) ก็จะทำให้ได้ค่าของสีพื้นดังตัวอย่างที่แสดง แต่ข้อสำคัญ คือจะต้องทำการคลิกเลือกกรอบข้อความ ที่ต้องการทำพื้นใส เสียก่อน ไม่เช่นนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อข้อความ ที่ต้องการจะทำการแสดง ออกมา..

คราวนี้..ตัวเอกที่สำคัญ ที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ตัว LABEL ที่เป็นป้ายชื่อ แสดงหัวข้อใหญ่ ในที่นี้ก็คือ คำว่า "คำนำ" นอกจาก..ที่เราจะทำการแสดงข้อความ ให้มีสีสัน อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องการ ก็คือรูปแบบที่เด่น กว่า การเขียนข้อความ ที่ตัวใหญ่ เฉยๆ ดังนั้น จากรูปที่แสดง การกำหนด Font Size และสีของข้อความ คงจะไม่กว่าซ้ำอีกแล้ว เพราะว่า..ได้ทำการกล่าว ในหัวข้อที่ผ่านมาแล้ว แต่.ที่จะทำการเน้น ก็คือ จะสังเกตว่า..จากกรอบข้อความที่แสดง จะทำในลักษณะนูนขึ้นมา เช่นเดียวกัน.. การแสดงผลออกมา จะต้องทำการตั้งค่า Object Properties แล้วจากนั้น.. จึงทำการเลือกค่า ทีทำการแสดง ดังรูป

ตำแหน่ง 1, 2.. จะคล้ายกับการใช้ Detail แต่จะมาขอเน้นในส่วน ของ ตำแหน่งที่ 3.. Border Style : จะมีการกำหนดลักษณะของเส้น กรอบที่ทำการแสดง ดังรูป

Raised..

Shadowed..

Rectangle..

Inset..

แบบต่างๆ.. คงจะต้องลองทำการเลือกดู ให้มีความเหมาะสมกับงานที่จะทำการใช้ และลองศึกษา แบบและวิธีใช้ ให้เข้าใจนะครับ ถ้ายังไงคงจะต้อง ทดลองใช้ดูแล้วจึงจะเกิดความเข้าใจนะครับ

บทถัดไป จะกล่าวถึง วิธีการใช้ ภาษา Script เบื้องต้น

Unit 1 | Unit 2 | Unit 3 | Unit 4 | Unit 5 | Unit 6 | Unit 7 | Unit 8 | Unit 9 | Unit 10 | Unit 11