บทที่ 8
การติดตั้งและจัดการโปรโตคอลเครือข่ายแบบ TCP/IP
(Installing and Configuring the TCP/IP Protocol Stack)

วินโดวส์เอ็นทีสนับสนุนโปรโตคอลเครือข่ายหลายประเภท โปรโตคอลที่สำคัญมีดังนี้

มาตรฐานระบบการสื่อสาร
กระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์สื่อสารหรือคอมพิวเตอร์นั้น สามารถแบ่งเป็นหน้าที่ย่อยๆได้เป็น 7 ระดับตามมาตรฐานของ ISO (International Organization for Standardization) ดังนี้
 
Application Layer 7
Presentation Layer 6
Session Layer 5
Transport Layer 4
Network Layer 3
Data-link Layer 2
Physical Layer 1
โดยที่ในแต่ละระดับมีหน้าที่แตกต่างกันซึ่งทำงานร่วมกัน สาเหตุที่ต้องแบ่งระดับการสื่อสารออกเป็นหลายระดับก็เพื่อให้สินค้าของผู้ผลิตที่ต่างกันสามารถนำมาเชื่อมต่อกันได้ เช่นผู้ผลิตการ์ดเครือข่ายสามารถเขียนโปรแกรมในระดับ Datlink Layer เพื่อให้รับข้อมูลจากผู้ผลิตที่เขียนโปรแกรมในระดับ Network Layer ได้

การติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละระดับ จะติดต่อกันเองในลักษณะที่เรียกว่า Peer-to-peer คือแต่ละ Layer จะมองเฟรมข้อมูลที่มาจาก Layer ข้างบนเป็นข้อมูลและจะนำเอาข้อมูลที่ใช้สำหรับการทำงานใน Layer ของตนเองครอบข้อมูลไว้ที่ส่วนหัว/ส่วนท้าย แล้วส่งต่อไปยัง Layer ข้างล่าง และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งส่งออกไปยังสายการสื่อสาร เมื่อเครื่องผู้รับได้รับเฟรมข้อมูลก็จะถอดรหัสส่วนหัว/ส่วนท้ายออกไป แล้วนำส่งข้อมูลให้กับ Layer ข้างบนต่อไป เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนถึงโปรแกรม Application

รูปต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบโปรโตคอลแบบต่างๆกับมาตรฐานของ ISO

รูปต่อไปนี้แสดงถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP
จากรูปโปรโตคอล TCP/IP ประกอบด้วยโปรโตคอลย่อยหลายโปรโตคอลซึ่งทำงานในระดับต่างๆกัน โดยที่โปรโตคอลย่อยที่ทำงานในระดับ Application Layer ได้แก่ FTP(File Transfer Protocol), TELNET(Terminal Emulator), SNMP(Simple Network Management Protocol) โปรโตคอลเหล่านี้จะเรียกใช้โปรโตคอลย่อยในระดับ Transport ด้านล่างแบบใดแบบหนึ่งระหว่าง  TCP(Transmission Control Protocol) หรือ UDP(User Datagram Protocol) และโปรโตคอลย่อยทั้งสองจะเรียกใช้โปรโตคอลระดับ Network ต่อซึ่งได้แก่ IP หรือ ICMP(Internet Communication Message Protocol)

การทำงานในระดับ Transport ที่มีโปรโตคอลย่อย TCP หรือ UDP นั้นโปรแกรมที่อยู่ด้านบนจะเรียกใช้ผ่านช่องทางที่เป็นตัวเลขที่เรียกว่า Port Number โดยหมายเลขนี้เป็นเลขที่มาตรฐานในโปรโตคอลแบบ TCP/IP มาตรฐานของ Port Number ทั้ง TCP และ UDP ได้แสดงไว้ในตารางต่อไปนี้
 

TCP Port Number Application Layer Services
5
Remote Job Entry
7
Echo
20
FTP Data
21
FTP Control
23
TELNET
25
SMTP
37
Time
53
Domain Name Server(DNS)
66
Oracle SQL*NET
80
World Wide Web HTTP
110
Post Office Protocol(POP3)

 
UDP Port Number Application Layer Interface
7
Echo
13
DayTime
37
Time
69
Trival File Transfer Protocol(TFTP)
70
Gopher
107
Remote Telnet
161
SNMP(Simple Network Management Protocol)

การ Implement โปรโตคอล TCP/IP ของระบบปฏิบัติการต่างๆไม่เหมือนกัน เช่น

โปรโตคอลแบบ TCP/IP ในระดับ Application ที่สำคัญมีดังนี้ FTP (File Transfer Protocol)
FTP ใช้ในการรับ-ส่งแฟ้มข้อมูลระหว่างเครื่องลูกข่ายและเครื่องเซอร์ฟเวอร์ โดยที่เครื่องเซอร์ฟเวอร์จะต้องมีโปรแกรมให้บริการ FTP(FTP Server) ติดตั้งและทำงานอยู่ เพื่อให้เครื่องลูกข่ายที่รันโปรแกรม FTP Client สามารถเข้ามาขอใช้บริการได้ นอกจากรับส่งแฟ้มข้อมูลแล้ว FTP ยังมีคำสั่งที่ใช้ในการ FTP จะใช้โปรโตคอลย่อยชั้น Transport คือ TCP  โดยที่ TCP จะมีลักษณะการทำงานแบบ Connection oriented คือ เครื่องเซอร์ฟเวอร์และเครื่องลูกข่ายจะต่อเชื่อมกันตลอดเวลาเสมือนมีสายเชื่อมโยงกันโดยตรง (Virtual Circuit) เพื่อทำการรับส่งข้อมูลระหว่างกัน โดยมีกระบวนการตอบรับ(Acknowledgement)ว่าได้รับข้อมูลถูกต้องหรือไม่

TELNET
 TELNET เป็นบริการที่ให้เครื่องลูกข่ายสามารถเข้าไปใช้เครื่องเซอร์ฟเวอร์ โดยการจำลองตัวเองให้ทำงานเป็นเทอร์มินัล ผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อแจ้งการเข้าใช้เครื่อง เมื่อเข้าไปได้แล้วการทำงานต่างๆจะเหมือนกับการเข้าไปทำงานที่หน้าจอของเครื่องเซอร์ฟเวอร์ การทำงานแบบนี้เครื่องเซอร์ฟเวอร์จะต้องติดตั้งโปรแกรมให้บริการ TELNET ซึ่งโดยปกติในระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จะมีบริการนี้ติดตั้งไว้แล้วเป็นมาตรฐาน มีศัพท์เรียกโปรแกรมให้บริการบนเครื่องยูนิกซ์ว่า daemon เช่น FTP daemon, TELNET daemon เป็นต้น

โปรโตคอล TELNET จะใช้ TCP port เลขที่ 23

SMTP
SMTP  เป็นการให้บริการเพื่อรับส่งจดหมายอิเล็คโทรนิคส์(E-Mail) โดยที่ SMTP จะมีตู้ไปรษณีย์เพื่อทำหน้าที่รับจดหมายจากผู้อื่นที่ต้องการส่งให้ และเก็บจดหมายของผู้ใช้ที่ต้องการส่งไปยังผู้ใช้อื่น เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ตั้งไว้โปรแกรมจะทำการส่งจดหมายออกและรับจดหมายเข้ามา ผู้ใช้ก็สามารถจะเปิดอ่านได้เมื่อต้องการ

SMTP จะใช้โปรโตคอล TCP port เลขที่ 25 ส่วนการรับส่งจดหมายระหว่างเครื่องลูกข่ายกับ SMTP Server ในลักษณะที่เป็น Client/Server จะใช้โปรโตคอลที่ชื่อว่า POP3 (Post Office Protocol)

HTTP
HTTP ใช้ในการติดต่อรับส่งข้อมูลชนิดไฮเปอร์เท็กซ์(Hypertext) ระหว่างเครื่องลูกข่ายกับ WWW Server (World Wide Web) โดยที่เอกสารนี้จะอยู่ในรูปแบบที่เขียนในภาษา HTML (HyperText Markup Language) เอกสารแต่ละชิ้นจะสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารชิ้นอื่นได้ ซึ่งเอกสารที่ถูกเชื่อมโยงนี้อาจจะอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันหรือต่างเครื่องกันก็ได้

บริการแบบ WWW เกิดขึ้นภายในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในปี 1990 เมื่อนักฟิสิกซ์ที่ CERN ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยในประเภทสวิสเซอร์แลนด์ ต้องการแลกเปลี่ยนผลงานวิจัยซึ่งกันและกัน  แทนที่นักวิจัยจะต้องส่งแฟ้มข้อมูลแลกเปลี่ยนกันโดยใช้ FTP จึงคิดค้นภาษา HTML ขึ้นมาเพื่อจัดทำเอกสารวิจัยที่สามารถเชื่อมโยงกับเอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้องกันได้ โดยในระยะแรกโปรแกรมที่ใช้ในการแสดงข้อมูลแบบนี้มีการติดต่อกับผู้ใช้แบบ Text Mode ต่อมามีนักศึกษาปริญญาโทชื่อ Marc Andressen ที่ NCSA ได้ทำโปรแกรมที่สามารถแสดงผลข้อมูล Hypertext ให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นกราฟฟิคโปรแกรมที่สร้างขึ้นมีชื่อว่า MOSAIC และในขณะเดียวกันมีการพัฒนาให้ HTML สามารถรับข้อมูลที่เป็นรูปภาพ และมัลติมีเดียเพิ่มขึ้นไป ทำให้เกิดการขยายตัวในการใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลาย และเกิดโปรแกรมที่ทำงานด้านนี้มากขึ้น เช่น Internet Explorer ของไมโครซอฟต์, Netscape Navigator ของเน็ตสเคปคอมมูนิเคชั่น โปรแกรมเหล่านี้เป็นโปรแกรมประเภท WWW Client ซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า WWW Browser

การทำงานของ WWW จะใช้โปรโตคอล HTTP ซึ่งจะเรียกผ่าน TCP port เลขที่ 80

DNS (Domain Name Services)
ในการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP นั้นเครื่องเซอร์ฟเวอร์และเครื่องลูกข่ายทุกตัวจะต้องมีหมายเลขที่ใช้ในการระบุตัวเองคล้ายกับชื่อ-นามสกุลของคนเรา หมายเลขที่กล่าวมานี้เรียกว่า IP Address ซึ่งมีความยาว 4 ไบท์หรือ 32 บิต โดยเขียนในลักษณะนี้ 203.154.126.134 การจดจำ IP Address เป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่าการจำชื่อของเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นจึงเกิดการสร้างเซอร์ฟเวอร์ที่จะให้บริการการสอบถามชื่อเครื่องและ IP Address ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า Domain Name Services ในการใช้งานนั้นผู้ใช้เพียงแต่ระบุ IP Address ของเครื่องที่ให้บริการนี้แล้วเมื่อต้องการจะติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต DNS จะช่วยค้นหา IP Address ของเครื่องที่ต้องการให้เพื่อให้โปรแกรมสามารถใช้ IP Address ที่ได้ในการติดต่อ

ระบบ DNS นั้นเป็นลักษณะการประมวลผลแบบกระจายหมายถึงในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้นจะมีเครื่องที่ให้บริการ DNS ทำการควบคุมโดเมนจำนวนมากซึ่งจะช่วยกันในการทำงาน โดยมีการแบ่งเชิงชั้นของการระบุตำแหน่งแบบ Hierachy ดังรูป

โดยที่ระดับแรกจะเป็นระดับของหน่วยงานหรือประเทศ ระดับต่อไปจะเป็นหน่วยงาน ระดับล่างจะเป็นชื่อเซอร์ฟเวอร์

ตัวอย่างของชื่อย่อในโดเมน
COM บริษัท
ORG หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
EDU มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา
MIL หน่วยงานทางทหาร
TH ประเทศไทย
UK ประเทศอังกฤษ
IBM บริษัทไอบีเอ็ม
NOVELL บริษัทโนเวล
MIT มหาวิทยาลัย MIT

การอ้างชื่อเครื่องจะต้องระบุในรูปแบบดังนี้

ชื่อเครื่อง.หน่วยงาน.ประเภทหน่วยงาน
เช่น WWW.IBM.COM, ISECWWW.NIDA.AC.TH เครื่องเซอร์ฟเวอร์ที่เป็น DNS Server ในระดับต่างๆ จะช่วยกันทำงานเพื่อตอบคำถามในเรื่องการเปลี่ยนชื่อให้เป็น IP Address ในองค์กรขนาดใหญ่เราอาจจะติดตั้ง DNS เพื่อให้บริการภายในองค์กรเพิ่มได้ หากไม่มีการติดตั้ง DNS ไว้ก็ต้องใช้ DNS ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต

วิธีการติดตั้งโปรโตคอล TCP/IP
ในขณะที่ติดตั้งวินโดวส์เอ็นที ถ้าได้เลือกว่าต้องการติดตั้ง Internet Information Server ด้วย โปรแกรมติดตั้งจะทำการเพิ่มโปรโตคอล TCP/IP เข้าไปด้วย หากไม่ได้ติดตั้งไว้ก่อนหรือ โปรโตคอล TCP/IP หายไป เราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้โดยวิธีการต่อไปนี้

  1. Logon เป็น Administrator
  2. ดับเบิ้ลคลิกไอคอน Network ที่คอนโทรลพาเนล จะปรากฏจอภาพดังรูป
  3. คลิกเลือก Protocol Tab แล้วกดปุ่ม Add... จะปรากฏรายชื่อของโปรโตคอลขึ้นมาให้เลือกดังรูป
  4. คลิกที่ TCP/IP Protocol แล้วกดปุ่ม OK จะปรากฏจอภาพขึ้นมาถามว่านต้องการให้โปรแกรม DHCP(Dynamic Host Configuration Protocol) Server เป็นผู้กำหนด IP Address แทนการกำหนดด้วย manual หรือไม่

  5. ( DHCP Server เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่แจก IP Address ให้กับเครื่องลูกข่ายโดยอัตโนมัติ) ถ้าต้องการใช้ความสามารถนี้จะต้องระบุเครื่องที่ทำหน้าที่เป็น DHCP Server ให้กับเครื่องลูกข่ายไว้
  6. ให้ตอบ Yes ในกรณีที่มี DHCP Server หรือตอบ No ถ้าต้องการกำหนด IP Address ด้วย manual วินโดวส์เอ็นทีจะถามตำแหน่งของ CD-ROM ของวินโดวส์เอ็นที ให้ระบุตำแหน่งของ CD-ROM แล้วกดปุ่ม Continue โปรแกรมจะอ่าน CD-ROM เพื่อนำข้อมูลที่ต้องการเข้ามาใช้
การปรับแต่ง IP Address
ถ้าไม่ได้เลือกใช้ DHCP ไว้เราจะต้องกำหนดข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับโปรโตคอล TCP/IP ได้แก่ IP Address, Subnet Mask, Default Gateway และข้อมูลของ DNS
  1. คลิกที่ Binding Tab เพื่อให้โปรโตคอลที่เพิ่มเข้าไปทำการ Bind กับ Services ต่างๆที่มี แล้วคลิกที่ Protocol Tab คลิกเลือก TCP/IP Protocol ในรายการแล้วกดปุ่ม Properties จะปรากฏจอภาพ Microsoft TCP/IP Properties ดังรูป
  2. ถ้ามี DHCP Server ในเครือข่ายให้เลือก Obtain an IP Address from a DHCP Server แต่ถ้าจะกำหนด IP Address เองให้เลือก Specify an IP Address
  3. ใส่ IP Address, Subnet Mask และ Default Gateway
  4. คลิกที่ DNS Tab จะปรากฏจอภาพดังรูป
  5. ใส่ข้อมูลของ
  6. เมื่อเสร็จแล้วตอบ OK และตอบ Close จากนั้นทำการ Restart เครื่องใหม่เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล
การใช้โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับโปรโตคอล TCP/IP
เมื่อติดตั้งโปรโตคอล TCP/IP เสร็จแล้ว เราสามารถนำเอาโปรแกรมสำหรับเครื่องลูกข่ายมาใช้ทำงานกับโปรโตคอลนี้ได้ เช่น FTP Client, WWW Browser, Telnet เป็นต้น โปรแกรมที่กล่าวมานี้อาจเป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาโดย Third Party ต่างๆ ในรูปต่อไปนี้แสดงการทำงานของโปรแกรม FTP Client ซึ่งทำงานในโหมดกราฟฟิค

ในวินโดวส์เอ็นทีเมื่อติดตั้งโปรโตคอล TCP/IP แล้วจะมีการ Copy โปรแกรม Utility ต่างๆเพื่อช่วยในการจัดการบริหารโปรโตคอล TCP/IP มาด้วย โปรแกรมเหล่านี้เป็นโปรแกรมที่ทำงานในลักษณะที่เป็น Command Line ได้แก่


BACK  Chapter 1/ Chapter 2 /Chapter 3 / Chapter 4 / Chapter 5 / Chapter 6 / Chapter 7 / Chapter 8 / Chapter 9  NEXT
Chapter 10 / Chapter 11 / Reference