ชิพตัวนี้จะมีขนาดของดายประมาณ 114 ตารางมิลลิเมตรและพร้อมด้วยแผงวงจรหลักแบบ
Socket A ที่มีราคาต่ำจะทำให้สามารถแข่งขันกับ Coppermine 128 ได้
ถ้า Spitfire เปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว
K6-2+ และ K6-3+ อาจจะมีความเร็วไม่เกิน 600MHz สำหรับกระบวนการผลิต 0.18ไมครอนโดยใช้ทองแดงจะทำให้สามารถเร่ง
สัญญาณนาฬิกาขี้นได้มาก ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเอเอ็มดีนั้นจะแทนที่ตลาดในส่วนของ
K6 ด้วย Spitfire สำหรับ Socket A Athlon นั้นไม่มีปัญหาใดๆที่จะแข่งขันกับ
coppermine128 สำหรับกระบวนการผลิต 0.18 ไมครอนของสายการผลิต K6 นั้น ทำให้ขนาดของดายเล็กมาก
(<70 ตารางมิลลิเมตร) และจะบริโภคพลีงงานต่ำซึ่งจะเหมาะกับโปรเซสเซอร์สำหรับคอมพิวเตอร์มือถือ
Thunderbird นั้นจะเหมาะกับ powerusers ซึ่งจะมาพร้อมกับสัญาญาณนาฬิกาที่สูงกว่าโดยจะมาในรูปแบบของทั้ง Slot A และ Socket A ซึ่งในเวอร์ชั่นของ Slot A นั้นอาจจะไม่มีแคขระดับสามอยู่บนบอร์ด สำหรับแอธลอนในรุ่นต่อไปนั้นคือ Mustang โดยจะมีแคชระดับสองออนดายขนาด 2MBytesซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าทั้งเอเอ็มดีและอินเทล จะเลือกใช้แคชแบบออนดายมากกว่า SRAMs ที่เราเจอกันอยู่ใน P!!! และ แอธลอนในตอนนี้ แอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่นั้นจะทำงานได้ดีที่แคชขนาด 256-384KB และค่า Latency ของ SRAMs นั้นจะมากกว่า cache แบบ on die 3-5 เท่า
แอธลอนจะทำให้เอเอ็มดีเปลี่ยนแปลงสายการผลิตขิงตนไปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กล่าวคือ แอธลอนพร้อมด้วย cache แบบ on die จะทำงานด้วยหน่วยความจำ ที่เร็วกว่าซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มาก
ในปี 2000 นี้จะมีแค่สองอย่างเท่านั้นที่จะยับยั้งแอธลอนไม่ให้คุมตลาดของซีพียูได้ในครึ่งปีแรกของปี 2000 ก็คือ ขาดแคลน mainboard ทั้ง Slot A และ Socket A และไม่สนับสนุนชุดคำสั่ง SSE ของอินเทล