มาละเหวย มาละหวา EXTRA ก็มาตะละลา..

สารจากงาน BACK TO THE MEMORY ครั้งที่ 1


                              

(ถอดความจากหนังสือ BACK TO #1 , 1991)

ประวัติเอกคอมพิวเตอร   (แบบงานเขียนวิชาการ)

           ตามที่กรมการฝึกหัดครู     ได้จัดตั้งวิทยาลัยชุมชนขึ้นในปีพ.ศ. 2527 โดยใช้สถานที่ของวิทยาลัยครูนครราชสีมาเป็นที่ตั้งและใช้เป็นสถานที่สำหรับศึกษาในชั้นต้น ก็ได้เปิดทำการสอน 2 เอกคือเอกคอมพิวเตอร์กับเอกธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวโดยมีท่านอาจารย์ ระมิด ฝ่ายรีย์เป็นผู้รักษาการ

                ต่อมาในปี พ.ศ. 2528  ได้ทำการย้ายเอกคอมพิวเตอร์กับเอกธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว เข้ารวมไว้กับวิทยาลัยครูนครราชสีมา   โดยให้แยกเอกคอมพิวเตอร์เข้ากับคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ส่วนเอกธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวก็ได้เข้าร่วมกับคณะวิทยาการจัดการ สำหรับอาจารย์ผู้สอนสังกัดภาควิชาคอมพิวเตอร์ ได้แก่

          อาจารย์มณฑล                     อนันต์         หัวหน้าภาควิชา
       อาจารย์สุดาใจ                     โล่ห์วนิชชัย
       อาจารย์สุนีย์                       หงษ์สายพิน
       อาจารย์วีระศักดิ์                   บุญทน
       อาจารย์คมกฤช                    ตรีสินธุรส
       อาจารย์สมชาย                    สังข์ศรี
      อาจารย์วิวัฒน์                     วัชรหิรัญ
      อาจารย์ศิริรัตน์                    ทิพย์วงศา

      คณาจารย์ได้ช่วยกันพัฒนาและจัดหาอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตลอดจนเครื่องคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนการสอน ซึ่งในขณะนั้นก็ได้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาด 8 บิท Apple Compatible  จำนวนประมาณ  12 เครื่องโดยใช้ห้อง10.25เป็นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์  

     ต่อมาในปี (ต่อมาบ่อยจังครับ) พ.ศ. 2529  ก็ได้อาจารย์คมกฤช  ตรีสินธุรส  อาจารย์ศิริรัตน์  ทิพวงศา และอาสาสมัครจากญี่ปุ่น(อ.มาซาโยะ อิซึทานิ ) มาช่วยในการพัฒนาการเรียนการสอน  ทางด้านคอมพิวเตอร์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและได้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาด 16 บิท IBM XT Compatible จำนวน 16 เครื่อง โดยใช้ห้อง 10.27  เป็นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์อีกห้องหนึ่ง  หลังจากนั้นก็ได้งบประมาณเพิ่มเพื่อจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์มาเพิ่มอีก

 
    เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ได้เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว  อีกทั้งจำนวนนักศึกษา
ก็ได้เพิ่มขึ้นด้วยทางวิทยาลัยได้    จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาด 16 บิท   IBM AT 
Compatible  จำนวน 15  เครื่องโดยใช้ห้อง 10.25  เป็นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์และ
ได้ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาด 8บิทไปไว้ที่ห้อง 10.33     
 
	สำหรับนักศึกษาได้แบ่งเป็น 2 ระดับคือ ระดับอนุปริญญา  และระดับปริญญาตรี 2 ปีหลัง
					       
(ต้นฉบับจบห้วนๆ อย่างนี้ละครับ งง หาอ่านต่อกันเอาเองแล้วกัน ต่อมาแล้ว....ไปละครับ)
back

ประวัติความเป็นมาของชาว EXTRA



back

         สวัสดีครับ 20 ปีผ่านไปไวปานวอก ตามประสาคนแก่ๆ ก็ต้องเล่าเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา อันไหนดีๆก็คงจะนำมาเล่า มาขยายสู่กันฟัง สิ่งที่ไม่ดีก็คงจะไม่มีใครอยากให้เกิดซ้ำ เรื่องมีอยู่ว่า ความเป็นมาของ back to.....และคำว่า EXTRA (มีใครบางคนออกเสียงว่า เอ็ก-สะ-ต้า ฟังดูได้อารมณ์มาก) จะมีใครบันทึกไว้เป็นหลักฐานหรือเปล่าว่ามีกี่ครั้งแล้วเอ่ย   

         คำว่า Extra ในพจนานุกรม ท่านแปลไว้ว่า พิเศษ,เกินธรรมดา, นอกเหนือจากธรรมดา ( ไม่ธรรมดา อื้อฮือ ไม่ธรรมดา ) ใครหนอมาแปลให้ช้ำใจว่า แปลว่า "แก่" อันนั้นมันเหล้าแล้ว X.O. หรือ Extra Old คือ แก่เป็นพิเศษ เหล้านั้นดี ยิ่งแก่ยิ่งดี (ก็เหมือนกันนั่นแหละ) แต่หากจะแปลให้ความหมายเป็นไปทางหายนะก็แปลได้ว่า  ภายนอก,นอกขอบเขต,ไม่ถูกต้อง อันนี้เราไม่ใช้ความหมายนี้

        คำว่า Extra คาดว่าปรากฎในสารบบของชาวคอมพิวเตอร์ในปี พ.ศ. 2531 ซึ่งเป็นปีที่ผมจากโคราช เข้ามาศึกษาต่อในเมืองหลวง และได้มีการย้อนกลับไปพบปะสังสรรค์กิจกรรม ระหว่าง กรุงเทพฯ-โคราช บ่อยๆ จึงกลายเป็นคำสามัญประจำบ้านให้ใช้เรียกบุคคลที่ไปแล้วแต่ไม่ไปลับ ไปแล้วยังกลับมาทำความเคารพ สวัสดีคร้าบ อาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง 

       เพราะฉนั้น การจะเป็น เอ็ก-ซะ-ต้า ได้มันจึงไม่ธรรมดาจริงๆครับ นั่นคือ มีคุณสมบัติคือ หนึ่ง ต้องแก่...ยัง (ไม่ใช่) ต้องมีความหลัง (ฮั่นแน่ something ) เคยแวะเวียน แอบมาเรียน มาคบหาสมาคม มาเป็นเขย ของ วิชาเอกคอมพิวเตอร์  สอง ต้องแบบว่ากลับมาเก็บความหวัง เอ๊ย...ความหลัง กลับมาหาความทรงจำเก่าๆพบ เห็นไหมครับว่า มีคนในประเทศอีกกี่สิบล้านคนที่ไม่มีโอกาสอย่างเรา โอ๊ย เขาจะเสียใจไหมเนี่ย   ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คำว่า Extra จึงมีใช้กันทั่วไปหลากหลาย นับวันแต่จะมี Extra เพิ่มขึ้น ก็ใครๆ ก็ต้องมาเป็น Extra กันทั้งนั้นแหล่ะ ไม่ปีนี้ก็ปีหน้า เนี่ย ยังไม่รู้เหมือนกันว่า Extrta เนี่ยมีเกษียณ  หรือ Retire กันบ้างหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าคนที่ตั้งศัพท์นี้ขึ้นมา น่าจะเป็น อ.สุธี หรือพี่ลูกกอล์ฟนะ ผมยกเครดิต ให้ แต่ถ้าใครคิดว่าตนเองต้นคิดขึ้นมาก็ อย่าช้านะครับเรียกร้องสิทธิ แล้วผมจะออกจดหมายแก้ไขให้ เอ้า...

        คำต่อไป Back to memory คำนี้เกิดขึ้นจากการจัดงาน Back to memory ครั้งแรกนั่นเอง ที่มาน่าจะมาจากการเลียนคำจากภาพยนตร์ดังเรื่อง BACK TO THE FUTURE ฉนั้นจึงอยากให้เรียกว่า Back to the memory จะได้มี อาติเกิ้น (เด้อะ..เด๋ย..) นำหน้านาม เป็นวิเศษณ์ขยายเวิร์บช่องที่สาม แบบเพอร์เฟคพาสต์คอนตินิวอัศว์  ดังนั้นคิดว่า คำนี้คงมาจากมติของคณะกรรมการผู้จัดทำงาน Back to ครั้งที่หนึ่ง อันได้แก่ น้องๆ รุ่น 4-5-6-7 
ซึ่งผมจะได้ขอสรุปเรื่องราวของงาน Back to แต่ละครั้งในฐานะเป็นผู้ผ่านมาแล้วทุกศึก ผมยังจำได้ว่าของที่ระลึกในงานนั้นคือ พวงกุญแจ ที่พิมพ์โฟล์วชาร์ตผิด (ถ้าเป็นสมัย ใครบางคนอยู่ คุณจะต้องถูกทำโทษ เพราะเขียนโฟล์วชาร์ตผิด) งาน Back to จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 9  ธันวาคม 2533 ปีนั้นเป็นปีแรกที่ผมเข้าทำงาน (รุ่นสามเพิ่งจบเดือน มี.ค. 33) รูปแบบของงานก็คือ การแข่งขันกีฬาแบบฮาเฮ ภาคเช้า ซึ่งรู้สึกม่วนกันมาก ปีนั้นจะเป็นปีที่ฉายา เกาหลี ของพี่ติ่ง รุ่นสอง จะฉายแววมาก ถ้าเป็นปัจจุบัน อาจจะเรียกว่าพี่อินโดฯแทน ปีนั้นเป็นปีที่ พี่ๆ รุ่นแรกๆ จบไปไม่นาน การเรียกความทรงจำเก่าๆ จึงทำได้ไม่ยาก และพี่ๆน้องๆ ก็รู้จักกันดีอยู่แล้วเนื่องจากยังมีกันอยู่ เจ็ดรุ่น ถ้าจะนับความเก๋า คงจะต้องเป็นพี่ลูกกอล์ฟ เนื่องจากรู้จักไว้หลายรุ่นมาก เรียกว่าเจ็ดรุ่น พี่กอล์ฟรู้จักหมด

         ภาคกลางคืน ก็เป็นงานสังสรรค์เหมือนทุกครั้งนั่นแหล่ะ เพราะนั่นคือปฐมบทแม่แบบ ครั้งแรกเป็นโต๊ะจีน แต่คอนเซปท์ที่น้องๆ มักจะเข้าใจผิดเสมอมาคือ การประกวด แมนออฟเดอะแมน (ชายยอดชาย ชายเหนือชาย ชายตุ๋ยชาย) ต้องเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยระดับอบต. หรือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด จริงๆแล้ว พวกพี่ๆ จะส่งคนที่ฮาที่สุดในรุ่น เขาจะต้องเป็นคนป้อปปูล่าร์ ที่สุดในรุ่น เป็นคนที่ถูกคอมเม้นท์มากที่สุดในรุ่น เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนหล่อ (แต่เผอิญว่าเขาหล่อเสียด้วย ช่วยไม่ได้) ดังนั้นหากพลิกปูมประวัติของแมนออฟเดอะเยียร์ น้องๆ จึงจะไม่แปลกใจว่าทำไม พี่ๆ รุ่น สอง-สาม จึงกวาดรางวัลมาเชยชมทุกครั้งนะน้อง แบบว่าคนเรามันป้อปนะ เป็นความสามารถพิเศษ เลียนแบบกันได้ถ้าเงินถึง

          Back to ครั้งที่สอง จำวันเดือนปี บ้านเลขที่ไม่ได้ ประมาณปี 2535 นะไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่จำได้ก็คือ ความเปรี้ยวไม่สร่างของรุ่นพี่ ไม่ว่าการจับเอวต่อแถว หรือ กระโดดขึ้นไปบนเวที งานนี้โต๊ะจีน และจำได้แว่วๆว่า ขาดทุน (เนื่องจากรุ่นพี่ชักดาบ...) เดือดร้อนถึงพี่ต้อย อดุลย์ ต้องขึ้นไปยึดไมค์แถลงการณ์ ด้วยสำเนียงคนกรุงเทพฯ (จริงๆ ถ้าอยากฟังบอกพี่จะออกเสียงให้ฟัง ) ให้รุ่นพี่ๆถลกกระเป๋ามาสมทบทุน  ปีนั้นก็ยังจัดที่หอประชุมเช่นเคย แต่การแข่งขันแมนออฟเดอะแมนสูงมาก เนื่องจากตอนนี้น้องๆ ก็จบมาทำงานกันแล้ว จะปล่อยให้พี่หล่ออยู่คนเดียวได้อย่างไร แต่แมนก็คือแมน ตำแหน่งก็ยังเป็นของ อ.พี่กาย ของเราอยู่ดีนั่นเอง ของที่ระลึกเป็นอะไร ใครจำได้หือ? แก้วน้ำแน่ๆเลย


        Back to ครั้งที่สาม น่าจะเป็น เดือน ธันวาคม 2538 จำได้ว่ามีงาน World Tech จัดที่ โรงแรม RCN อะโห หะรูหะรา ป้าดติโธ่ จำได้ว่ามีสาวๆ รอรับพี่ๆลงชื่อ น่าเสียดาย ของที่ระลึกเป็นดินสอกับยางลบ เป็นปีที่โต๊ะของ เอ็ก-สะ-ต้า รุ่นใหญ่เริ่มเหงา จนต้องรวมเหลือโต๊ะเดียว นี่ละหนา อะไรจะจีรังยั่งยืนเท่ากับแมนออฟเดอะแมน เพราะว่า รุ่น สาม มีพี่กาย เป็นตัวแทนมาคนเดียว แต่ขอโทษ ปีนั้น พี่กายก็ได้รับแมนออฟเดอะแมนไปครองอีกครั้ง ตามความคาดหมาย ไม่มีพลิกโผ จนใครๆเริ่มสงสัยว่ามีการล็อคสเปคหรือเปล่า อันนี้อาจจะนำพาไปสู่การสอบสวนหาข้อเท็จจริงในครั้งต่อไป

         Back to ครั้งที่สี่ ผ่านไปเมื่อวานนี้นี่เอง เสาร์ที่หก ธันวาคม 2540 เป็นครั้งแรก ที่มีการจับคนแก่มาทรมาน นั่นคือ ฟุตบอลล์ศึกสายเลือด (ศึกยาดองเหล้า) มีการแข่งขันเกมส์กีฬา ในภาคเช้าในโรงยิม และกีฬาฟุตบอลล์ ผลปรากฎว่า ศิษย์ปัจจุบัน เฉือนเอาชนะศิษย์ชรา ไปหวุดหวิด 4-3 ไม่ปรากฎนามผู้ยิงประตู จำได้แต่วินัย 1 ประตู ฝ่ายศิษย์ชรานั้น ผู้ทำประตูได้แก่ พี่ต้น สองประตู จากลูกจุดโทษหนึ่งประตู และพลาดการยิงลูกจุดโทษหน้าประตูหนึ่งลูก สมน้ำหน้า อดทำแฮตทริก และอดเป็นแมนออฟเดอะแมตซ์เลย หลังจากฟุตบอลล์ อุตส่าห์จะมอบรางวัลแมนออฟเดอะแมทช์นะ ไม่รู้ว่ามันจะรีบไปกินเหล้าที่ไหนกัน หายไปหมดเลย รางวัลแมนออฟเดอะแมทช์ คือ กกน. ชาย ยังไม่ใช้ ไม่รู้ว่า ยังเก็บไว้มอบในปีนี้หรือว่าเอาไปใช้แล้วก็ไม่รู้        แต่ภาคกลางคืนสุดหรูไฮโซ (ของคุณแม่ชินจัง) จัดที่โรงแรม Princess ไม่ต้องตกใจ คนที่ตกใจคือพี่แก่ๆ กลัวบัตรแพงไม่มีตังค์เหลือซื้อเหล้ากิน กับซื้อดอกไม้ให้ขวัญใจของพวกเขาๆ เป็นที่น่าเสียดายที่พี่กายสิทธิ์ผู้ทำแฮตทริกในการเป็นแมนออฟเดอะแมนสามปีซ้อนไม่ได้มารักษาตำแหน่ง แต่ตำแหน่งก็ตกให้แก่ พี่ต้นรุ่น 2รุ่นสองผู้มากับความมั่นใจเต็มร้อย  เข้าใจว่า เป็นการเปิดโอกาสให้รุ่นพี่แจ้งเกิด

        Back to ครั้งที่ห้า จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11  ธันวาคม 2542 ในภาคกลางวันมีกิจกรรมกีฬา ณ โรงพละศึกษา และฟุตบอลกระหายโลหิตครั้งที่ 3โดยสรุปแล้วทีม EXTRA พ่ายแพ้ต่อทีม Regular ไป 4-1 น่าขายหน้าจริงเจียว  ส่วนงานภาคกลางคืนจัด ณ หอประชุม 70 ปีของสถาบัน บรรยากาศในงานจัดได้สวยงาม และทันสมัย น่าเสียดายจริงเจียวที่เราไม่ค่อยได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งในงานนั้นได้มี พี่ๆ รุ่น 1-2-3 ได้เข้าร่วมงาน พร้อมกับมีบรรยากาศในการอำลากัน เป็นนัยๆ ว่า....ติ๋มจ๋าพี่ลาก่อน งาน Back to ปีหน้าพี่ต้องไปทำหมัน...

        Back to ครั้งที่หก จัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 9  ธันวาคม 2544  เป็นบรรยากาศที่ฉุกเฉินคือผมได้ทราบข่าวเพียง 1 เดือนก่อนการจัดงาน ในใจนั้นทราบแน่ว่ามีจัด พี่ๆ แก่ๆ จึงมิค่อยได้เข้ามาร่วมงานนัก ในภาคกลางวันมีกิจกรรมกีฬา ณ ลานกลางแจ้งหลังโรงพละศึกษา และฟุตบอลกระหายโลหิตครั้งที่ 4 ครานี้ น่าใจหายนัก พี่ EXTRA มีกันเพียงน้อยนิด มิอาจต้านทานแรงหนุ่มของน้องๆ ได้ รายละเอียดการแข่งขันเชิญชมใน LINK FOOTBALL สรุปแล้วทีม EXTRA เสมอต่อทีม Regular ไป 6-6 เป็นการยิงประตูในเวลาทั้งสิ้น (แต่ขอโทษ ครึ่งหลังแข่งกัน 1 ชั่วโมง) มิใช่การทำประตูจากการทดเวลาเสมอแล้วยิงลูกโทษนะ  ส่วนงานภาคกลางคืน จัด ณ ภัตตราคาเสียวเสี้ยว ใครทราบบรรยากาศบ้าง โปรดมาช่วยผมชี้แจงด้วยแล้วกัน เนื่องจากผมมิได้เข้าร่วมงาน เสียใจและเสียดายเหมือนกัน สถิติอันยืนยง กลับหมดโอกาสสร้างสถิติ แต่ไม่เป็นไร ขอรวบรวมกำลังใจ และพรรคพวกเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ เพื่อจัดทำการหวลคืนสู่ความหลังของเราให้ได้อีกครา.......

         หมดเวลาเสียแล้ว โอกาสหน้ามีใหม่คงได้มาฝอยถึง back to ครั้งที่ 45 ถ้ายังไม่เกษียณไปซะก่อน แล้วพบกันใหม่ เมื่อมีใครคิดถึงกัน...                    

back


Copywrong 2010 - This is a book!
No Rights to be Reserved
Web่janitor: จุ๊กจุ่นหรรษา - lovelybuff@yahoo.com