ท่านคงจะเคยได้ยินชื่อ Merch , Katmai , celeron , Dixon , Mandocino และอื่นๆอีกมากมายท่านทราบหรือไม่ว่ามันคืออะไรคงจะมีหลายๆท่านที่รู้สึกสับสน เหมือนกับผมนะครับว่าชื่อต่างๆ ของ CPU ที่ออกมานั้นมันคืออะไรกันแน่ เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ
CPU ตระกูล Pentium
Pentium คือ CPU รุ่นแรกของตระกูล P5 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ด้วยราคาที่สูงมากๆ เลย ซึ่งการที่ Intel เปลี่ยนชื่อเรียก CPU ของตนจาก x86 มาเป็น Pentium นี้เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อ CPUที่เหมือน กับ CPU ของ AMD และ Cyric ซึ่งเป็นผลดีต่อ Intel เป็นอย่างมากเนื่องจากชื่อ Pentium นี้ได้กลายเป็นชื่อที่ติดปากแบบ generation name ไปซะแล้ว (เหมือนกับที่เราเรียกผงซักฟอกว่า " แฟ้บ" นั่นล่ะครับ)
Pentium : ในรุ่นแรกจะใช้ technology การผลิต 0.80 ไมครอน และสนับสนุนการทำงานที่ 60 - 66 Mhz ซึ่งยังมีปัญหาในการทำงานอยู่ในช่วงแรกๆ ดังนั้นในปีต่อมา P54 ซึ่งใช้ technology การรผลิต 0.50 และ 0.35 ที่ความเร็ว 75 - 200 Mhz ก็ออกสู่ตลาดต่อๆ กันมารวมทั้งการติดตั้ง cache L1 ขนาด 16 Kb ลงไปด้วย
Pentium with MMX Technology : เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก CPU เลยก็ว่าได้เมื่อ Intel เปิดตัว Pentium รุ่นใหม่ที่รวมเอา technology ด้าน Mutimedia เข้าไปด้วยอีก 57 ชุดคำสั่ง (57 MMX Instructions) และวางจำหน่านเมื่อประมาณต้นปี 1997 CPU รุ่นนี้จะเป็นแบบ Socket 7 และใช้ technology0.28 ไมครอน อีกทั้งยังเพิ่ม cache L1 ขึ้นเป็น 2 เท่า รวมเป็น 32 Kb โดยมีความเร็วที่ 166 - 233 Mhz ที่ bus 66 Mhz และ CPU รุ่นนี้ก็เป็นตัวที่เริ่มความรุ่งโรจน์ของ CPU ในตระกูลของ Intel และ technology MMX ก็เริ่มมีการพูดถึงกันมากขึ้น อีกทั้งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงวันนี้ แต่ปัจจุบัน Intel เลิกผลิต CPU รุ่นนี้ ไปแล้ว
Tillamook : เป็น CPU Pentium MMX สำหรับ Notebook หรือเรียกว่า Mobile ซึ่งจะใช้ technology การผลิต 0.25 ไมครอน มีความเร็ว 133 - 266 Mhz ที่ bus 60 - 66 Mhzในขณะที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง จากเดิมและยังคงมี cache L1 ขนาด 32 Kb ซึ่งทำให้ Computer Notebook มีความสามารถในการทำงานมากใกล้เคียงกับ Desktop ในปัจจุบัน CPU รุ่นนี้ยังมีใช้และวางขายกันอยู่
Pentium Pro : จัดเป็น CPU รุ่นแรกของอนุกรม P6 และเป็น CPU ที่ Intel เริ่มติดตั้ง cache L2 ลงไป เป็นครั้งแรกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของ cache L2 ใน Pentium Pro จะทำงานที่ความเร็วเท่ากับ CPU ใช้ technology การผลิต 0.35 และ 0.50 ไมครอน ซึ่งจะแปลผันไปตามขนาดของ cache ด้วย ซึ่งก็มีด้วยกันหลายรุ่น ตั้งแต่ 256 , 512 และ1024 Kb รวมทั้งการมี cache L1 อีก 16 Kb ด้วย และ Pentium Pro นี้ออกมาสู่ตลาด ในช่วงปลายปี 1995 (ซึ่งออกมาก่อนหน้าที่จะได้รับการพัฒนา MMX ) และเป็น CPU ที่มีราคาแพงมากจึงมักจะนำไปใช้งานเป็น server ซะส่วนใหญ่ ในรุ่นนี้จะเป็นแบบ Socket 8 และมีความเร็วตั้งแต่ 150 - 200 Mhz
Pentium II : CPU ตระกูลนี้จะมีระบบการติดตั้งหลายแบบ เช่น Slot 1 , Slot 2 , Socket 370 รวมทั้ง Mobile สำหรับ Notebook ด้วย และ Pentium IIนี้จัดเป็นตัวต้นแบบ ของ Celeron และ Pentium!!! ซึ่งได้รับการ พัฒนาและปรับปรุงให้เข้ากับความต้องการของตลาดและจำนวนรุ่นของ CPU ตระกูลนี้มีเป็นจำนวนมากซึ่งชื่อที่ มากมายเหล่านี้ อาจทำให้เกิด ความสับสนในการเอ่ยถึงได้ ดังนั้นเราลองมารู้จักกับชื่อของเหล่า CPU ในตระกูลนี้กันดีกว่าครับ
Klamath : คือชื่อของ Pentium II รุ่นแรกที่เปิดตัว ซึ่งยังใช้ technology การผลิต 0.35 ไมครอน อยู่ดังเดิมมีความเร็ว 233 - 333 Mhz ที่ bus 66 Mhz พร้อม cache L2 ขนาด 512 Kb ซึ่งมีความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU ส่วน cache L1 จะมีขนาด 32 Kb with technology MMX และได้รับการพัฒนาให้อยู่ในรูป Slot 1 เริ่มเปิดตัวเมื่อกลางปี 1997 แต่ในปัจจุบัน Intel เลิกผลิตแล้วจึงหายาก
Deschutes : เป็น Pentium II ที่ได้รับการพัฒนาระบบ technology การผลิต
0.35 มาเป็น 0.25 ไมครอนทำให้สามารถเพิ่มความเร็วไปได้สูงขึ้นโดยจะมีความเร็วตั้งแต่
266 - 450 Mhz ที่ bus 66 - 100
(ในรุ่น 266 - 333 Mhz จะใช้ bus 66 Mhz แต่ในรุ่น 350 - 450 จะใช้ bus 100
Mhz ) พร้อม cache L2 ขนาด 512 Kb ซึ่งมีความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของความเร็ว
CPU ส่วน cache L1 จะมีขนาด 32 Kb และมี technology MMX ด้วย
Tonga : เป็นชื่อที่ไม่ค่อยได้ยินกันสักเท่าไหร่นะครับ แต่ชื่อนี้หมายถึง CPU แบบ Mobile ของ Pentium II ตัวแรกที่ใช้ technology การผลิต 0.25 ไมครอน เช่นเดียวกับ Deschutes โดยจะมีความเร็วที่ 233 - 300 Mhz ขึ้นไปที่ bus 66 Mhz และได้รับการผลิตในรูปแบบของ Mini Cartridge Connector และ Mobile Module Connector 1 กับ 2 (MMC - 1และ 2 )
CPU แบบ
Moblie สำหรับ Notebook
Dixon : เป็น Celeron ในแบบของ Mobile สำหรับ Notebook และมีการติดตั้ง cache L1 และ L2 มากับตัว CPU เลย แต่จะมีขนาด cache L2 ที่มากกว่า คือ ใน Dixon จะมี cache L2 ขนาด 256 Kb และ CPU มีความเร็วตั้งแต่ 333 Mhz ขึ้นไป แต่ยังใช้ bus 66 เท่าเดิม
Intel Pentium
!!!
Katmai : เห็นชื่อแล้วอาจจะคุ้นๆ นะครับ ในรุ่นนี้ก็คือ Pentium !!! นั่นเอง ซึ่งก็คือ Pentium II ที่ได้รับการพัฒนาชุดคำสั่ง SSE หรือ Streaming SIMD Extension เข้าไปอีก 70 คำสั่ง ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้นแต่ก็ยังคงใช้ technology 0.25 ไมครอน เหมือนเดิม และมีความเร็วตั้งแต่ 450 - 600 Mhz ที่ bus 100 Mhz
Coppermine
แบบ slot 1
Coppermine : คือ Pentium !!! ที่เปลี่ยนมาใช้ technology 0.18 ไมครอน พร้อมทั้งติดตั้ง cache L2 ขนาด 256 Kb ลงบนตัว chip เลย (cache on die ) และมีความเร็ว 600 Mhz ขึ้นไป สามารถใชอะไร้ได้กับ bus 100 และ 133 Mhz ในปัจจุบัน CPU รุ่นนี้มีความเร็วสูงสุดที่ 733 Mhz แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะราคายังสูงอยู่และยังมีการพบ BUG (ข้อผิดพลาดในการทำงาน) ในรุ่นนี้อีกด้วยซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าปัญหาเกิดจาก
Coppermine
(FC - PGA 370)
Coppermine (FC - PGA 370) : คือ Coppermine ที่เปลี่ยนระบบการติดตั้งจาก Slot 1 มาเป็น Socket 370 เช่นเดียวกับ Celeron แต่จะมีความเร็ว 500 , 550 และ 600 Mhz ที่ bus 100 Mhz
Coppermine (FC - PGA 418) : คือ Coppermine ที่เปลี่ยนระบบการติดตั้งมาใช้แบบใหม่คือ Socket 418 ซึ่งแน่นอนต้องใช้กับ Mainboard ที่เป็น Socket 418เท่านั้นมี ความเร็วเริ่มที่ 667 Mhz ที่ bus 133 Mhz คาดว่าจะออกมาในช่วงครี่งปีแรกของปี 2000 แต่เมื่อเร็วๆ นี้ Intel ได้ประกาศยกเลิกแผนนี้แล้วโดยจะเปลี่ยนไปพัฒนาระบบการติดตั้ง แบบ Socket 423 แทน
Coppermine 128K : รุ่นนี้จะพูดกันง่ายๆ ก็คือ Celeron ที่มีชุดคำสั่ง
SSE ลงไปนั่นเองและจะมีความเร็วเริ่มต้นที่ 600 Mhz ที่ bus 100 Mhz ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่น่าสนใจมาก
เพราะ Celeron เมื่อเปรียบเทียบราคากับคุณภาพแล้วนับว่าคุ้มมากแถมยังสามารถ
Overclock ได้มากด้วย ฉะนั้นรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่มีผู้สนใจมากและเป็นที่รอคอยของหลายๆ
ท่าน (รวมทั้งผมด้วยครับ) คาดว่าจะออกมาให้ชมกันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2000
Timna : คือ Coppermine 128K ที่มี Graphic Controller และ Direct Rumbus DRAM Controller บน chip เลยจึงทำให้ดูคล้ายกับจะเป็น Chipsetซะมากกว่าแต่ อย่างไรก็ตามในรุ่นนี้จะมีความเร็วตั้งแต่ 533 Mhz ที่ bus 133 Mhz เหมาะกลุ่มผู้ใชระดับล่างเพราะจะมีราคาถูกและเป็นแบบ all in one
Xeon : คือ CPU สำหรับตลาด server ของ Intel โดยในช่วงแรก Intel มี
Pentium Pro อยู่แล้ว จนกระทั่ง Intel พัฒนา Pentium II ออกมาจึงมี Pentium
II Xeon เพื่อนำมาใช้
แทน Pentium Pro ซึ่งออกมาในรูปแบบ
Slot 2 และสนับสนุนการทำงานแบบ Muti Processor ด้วย โดยจะใช้สถาปัตยกรรมแบบเดียวกับ
Deschutes คือใช้ technology 0.25 ไมครอน และมี cache L2 ให้เลือกใช้ตั้งแต่
512 , 1024 และ 2048 Kb ซึ่งจะมีความเร็วเป็นครึ่งหนึ่งของ CPU
Tanner : คือ Pentium !!! Xeon นั่นเอง โดยจะแตกต่างกับ Xeon ตัวเดิมคือใช้สถาปัตยกรรมแบบ Ketmai ซึ่งรุ่นนี้จะเป็น CPU ที่ไปเจาะกลุ่มระดับ Hi - End Server โดย เฉพาะ โดยจะมีความเร็วตั้งแต่ 500 Mhz ขึ้นไป ที่ bus 100 Mhz มี cache L2 ขนาด 512 , 1024 และ 2048 Kb ทำงานที่ความเร็วเท่า CPU รวมทั้ง cache L1 ขนาด 32 Kb และชุดคำสั่ง MMX กับ SSE ด้วย โดยรุ่นนี้จะ Support ระบบ Muti Processor ด้วย สามารถทำงานร่วมกันได้ 8 ตัว
Cascades : คือ Coppermine ที่ใช้ technology 0.18 ไมครอน แต่ใช้สำหรับ server นั่นเอง จะมี cache L2 on die ขนาด 256 Kb มีความเร็ว 600 Mhz ที่ bus 133 Mhz ซึ่งคาดว่า Intel จะเพิ่มความเร็วเป็น 800 Mhz ในช่วงกลางปี 2000
Willamette : คือ CPU Generation ต่อจาก Coppermine ซึ่งจะมีความแตกต่างกับ
CPU ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก CPU รุ่นนี้จะเปลี่ยนจาก technology 0.18 ไมครอน
มาใช้ 0.13 ไมครอน ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มความเร็วขึ้นมากเมื่อเทีบยกับในปัจจุบัน
ด้วยการเพิ่ม Ececution และ Decoder ลงไปรวมทั้งจำนวน Buffer ด้วย แถมยังมี
cache L2 on die ขนาด 1 Mb จึงทำให้สามารถมีความเร็วสูงถึง 1 Ghz ขึ้นไป
และคาดว่าจะออกมาในรูปแบบ Socket 423 ซึ่งกว่าจะได้ชมกันก็คงเป็นช่วงปลายปี
2000 - ต้นปี 2001 ครับ
Foster : คือ CPU ที่ทาง Intel ตั้งใจให้เป็น CPU สำหรับ server โดยมีพื้นฐานการพัฒนามาจาก Willamette ซึ่งจะใช้ bus 200 Mhz และมี Band width 3.2 Gbps cache L1 และ L2 มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัว CPU มีความเร็วสูงกว่า 1 Ghz ใช้การติดตั้งแบบ Slot M คาดว่าจะออกมาพร้อมกับ Willamette
Merced : คือ CPU ที่ Intel เปลี่ยนสถาปัตยกรรมไปใช้แบบ IA - 64 และมี cache ถึง 3 ระดับ และมีความเร็วสูงกว่า Tanner ถึง 3 เท่า และใช้ technology 0.18 ไมครอน โดยจะมีความเร็วเริ่มต้นที่ 800 Mhz ที่ bus 200 Mhz ซึ่งจะทำให้มีความเร็วในการทำงานด้วย FPU สูงกว่าการทำงานของ Pentium Pro ถึง 20 เท่า ติดตั้งแบบ Slot M และ Support MMX and SSE ด้วย คาดว่าจะออกมาให้ชมกันในช่วงกลางปี 2000 ถ้า Intel ไม่ประกาศเลื่อนไปเสีบก่อนนะครับ
McKinley : เป็น CPU ที่มีกำหนดการไว้ที่ครื่งปีแรกของปี 2001 จะใช้สถาปัตยกรรม IA - 64 ยุคที่ 2 ต่อจาก Merced โดยจะเริ่มที่ความเร็ว 1 Ghz และคาดว่าจะมี ประสิทธิภาพสูงกว่า Merced 2 เท่า นอกจากนี้ยังมีการขยาย Data Bus ให้ใหญ่กว่าเดิม( Merced)ถึง 3 เท่า รวมทั้งมี cache L2 ที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ซึ่งในช่วงแรกจะใช้ technology 0.18 ไมครอน และในปีถัดไปจึงจะเปลี่ยนไปใช้แบบ 0.13 ไมครอน ด้านการติดตั้งก็ใช้แบบ Slot M เช่นเดียวกับ Merced
Mandison : เป็นรุ่นต่อมาของ McKinley ซึ่งจะใช้ technology 0.13 ไมครอน และจะเป็นการผลิตด้วยทองแดงด้วย คาดว่าจะออกมาในปี 2002
Deerfield : เป็น CPU ที่ได้รับความร่วมมือกันระหว่าง Intel และ Motorola ใช้ technology ทองแดงในการผลิตแบบ 0.13 ไมครอน คาดว่ามีกำหนดการจะออกในปี 2003
Foster( IA - 64 ) : เป็น CPU ที่ใช้การติดตั้งแบบ Slot M แต่จะมีราคาถูกสำหรับ CPU แบบ IA - 64 เพื่อนำไปใช้งานกับเครื่อง Workstation และ server ระดับกลาง
Northwood : จัดเป็นรุ่นสุดยอด ซึ่งอยู่ในลำดับสุดท้ายของ Road Map ที่ Intel วางไว้ โดย CPU รุ่นนี้จะมีความเร็วเริ่มต้นที่ 3 Ghz และมีกำหนดการออกวางจำหน่ายในปี 2003
อย่างไรก็ตามรุ่นของ CPU ที่อยู่ในโครงการพัฒนาในอนาคตนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลได้ตลอดเวลา ตามสภาพการณ์ของตลาดซึ่งไม่มีใครที่จะทำนายได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงควรดูสถานะการณ์จริงประกอบไปด้วยนะครับว่า CPU รุ่นต่างๆ ของ Intel นั้นมีการเปลี่ยนแปล Spec ไปหรือเปล่า